
ทำความรู้จักกาแฟ Single-Origin ดีกว่ากาแฟทั่วไปหรือไม่?

P.C.: Fairtrade.net
เนื่องจากอุตสาหกรรมกาแฟมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ มีบาริสตาจำนวนไม่น้อยต่างหลงใหล ทุ่มเทและทดลองไปกับความซับซ้อนของสิ่งเหล่านั้น บ่อยครั้งขณะเข้าไปในร้านกาแฟย่านท้องถิ่นที่คุ้นเคย คุณจะเจอคำว่า "single-origin" ในเมนูกาแฟ หรืออาจมองว่าเป็นจุดเด่นของโฆษณาแบรนด์มากมายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรืออาจเห็นบาริสตาในร้านประจำของคุณโน้มน้าวให้คุณได้ลิ้มลองกาแฟจากแหล่งเดียวหรือกาแฟ single-origin นี้
แล้วกาแฟ “single-origin” คืออะไรและดีกว่ากาแฟเบลนด์ปกติที่เราคุ้นเคยอย่างไร? มาหาคำตอบกัน
กาแฟ single-origin คืออะไร?
พูดง่ายๆ ก็คือ เมล็ดกาแฟจากแหล่งเดียวล้วนมีที่มาจากสถานที่เดียว ซึ่งมักจะมาจากภูมิภาคหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง แตกต่างจากกาแฟเบลนด์ซึ่งผสมผสานเมล็ดกาแฟเข้าด้วยกันจากหลายแหล่ง
เมล็ดถั่วกาแฟที่มาจากแหล่งเดียวมักจะนำมาคั่วอ่อน เพื่อรักษารสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีลักษณะเฉพาะของภูมิภาคนั้นๆ – กาแฟ single-origin ให้ผลผลิตเฉพาะในบางช่วงเวลาของปีเท่านั้น
ซึ่งกาแฟ single-origin เปิดโอกาสให้ผู้คนได้สัมผัสกับรสชาติที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่จะให้ได้
ความแตกต่างระหว่างกาแฟ Single-origin และ กาแฟเบลนด์ทั่วไป
อธิบายอย่างเข้าใจง่าย กาแฟเบลนด์คือ การผสมผสานเมล็ดกาแฟมากกว่า 1 แหล่ง มาจากประเทศหรือภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้ได้รสชาติ ความเป็นกรดสดชื่นและเนื้อสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่กาแฟแหล่งกำเนิดเดียวมาจากฟาร์มหรือภูมิภาคเฉพาะที่เดียวเท่านั้น
เบลนด์บางชนิดทำขึ้นเพื่อการทดลองเท่านั้น ในขณะที่เบลนด์อื่นๆ มีไว้สำหรับการเติมเต็มโปรไฟล์รสชาติกาแฟที่ต้องการ เมื่อทำอย่างถูกต้องและลงตัว สามารถสร้างความสามัคคีของรสชาติที่กาแฟต้นกำเนิดเดียวมักจะไม่สามารถเลียนแบบได้
ลักษณะสำคัญ 2 ประการที่ทำให้กาแฟแหล่งกำเนิดเดียวแตกต่างจากกาแฟเบลนด์ผสมผสานคือ:
1) รสชาติ: ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างกาแฟแหล่งกำเนิดเดียวและกาแฟเบลนด์ คือ รสชาติ กาแฟจากแหล่งเดียวมักให้รสชาติที่สว่างกว่า เบากว่า โดยประกอบด้วยกลิ่นดอกไม้หรือรสเปรี้ยวสดชื่นโทนผลไม้ ในขณะที่กาแฟเบลนด์มักให้รสชาติโทนช็อกโกแลต คาราเมลลี และถั่ว
2) การสืบรู้แหล่งที่มา (Traceability) ไม่เหมือนกาแฟแบบ Single-Origin สำหรับกาแฟแบบเบลนด์ผสม การสืบรู้แหล่งที่มาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และมักจะเกิดความสับสน เนื่องจากผู้คั่วส่วนใหญ่ใช้เมล็ดกาแฟหลายชนิดจากแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกันโดยไม่มีข้อมูลฟาร์มหรือผู้ผลิตเฉพาะเจาะจง การติดตามที่มาของเมล็ดกาแฟถือเป็นข้อมูลที่มีค่า เนื่องจากจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจกาแฟที่ดื่มได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสร้างความรื่นรมย์ในการดื่มกาแฟและสามารถชื่นชมรากของกาแฟที่ดื่มได้อีกด้วย
กาแฟ single-origin ดีกว่ากาแฟประเภทอื่นหรือไม่?
บ่อยครั้งผู้ที่หลงใหลในรสชาติกาแฟและมืออาชีพผู้รอบรู้หลายคนชอบกาแฟแบบ single-origin เนื่องจากมีความพิเศษและแปลกใหม่ กลิ่นหอม ความเป็นกรดสดชื่น และรสชาติของถั่วกาแฟ single-origin มักจะโดดเด่นกว่ากาแฟเบลนด์ผสมที่มีบาลานซ์และความกลมกล่อมของรสชาติมากกว่า
P.C.: Pinterest
อย่างไรก็ตาม กาแฟ single-origin มีความสมดุลของรสชาติน้อยกว่ากาแฟเบลนด์ผสมทั่วไป ยังขาดความสม่ำเสมอที่กาแฟเบลนด์สามารถนำเสนอได้
สำหรับผู้ชื่นชอบและศึกษาการคั่วเมล็ดกาแฟที่พยายามค้นหารสชาติเฉพาะเพื่อเพิ่มรายได้อย่างสูงสุด สิ่งสำคัญคือ ต้องสามารถมอบรสชาติเอสเปรสโซที่มีสัมผัสเต็มคำ กลิ่นหอม มีรสที่ค้างอยู่ในคอ มีครีม่าที่ดี ความเป็นกรดที่เหมาะสม และความนุ่มนวลของรสชาติแต่ไม่ขม
โดยขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและสิ่งที่ผู้ดื่มต้องการจากประสบการณ์การดื่มกาแฟ เมื่อพูดถึงการเลือกดื่มกาแฟที่ดีกว่าระหว่าง single-origin และ Regular Blend
หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์แปลกใหม่ บางทีกาแฟ single-origin อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับคุณ และหากคุณกำลังมองหากาแฟที่กลมกล่อมและมีความสมดุลของรสชาติซึ่งเข้ากันได้ดีกับนมและน้ำตาล กาแฟเบลนด์อาจเข้ากับความชอบของผู้ดื่มได้ดีกว่า
ไอเดียดีๆ สำหรับคุณ – ไหนๆ ก็ได้ทราบถึงความแตกต่างกันแล้ว ทำไมไม่ลองดื่มด่ำกับความพิเศษของกาแฟทั้งสองชนิดดูล่ะ
ที่ร้านค้าออนไลน์ Don Carlos แหล่งรวมกาแฟคุณภาพหลากหลายชนิดจากทั่วโลกที่คุณสามารถเลือกซื้อกาแฟและค้นหารสชาติในแบบที่คุณชอบได้อย่างเพลิดเพลิน